ออก 10 ข้อออ !!! อ่านมหาศาลลล =[]=*
สุโขทัย&อยุธยา
สุโขทัยกับอยุธยาส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน แต่สุโขทัยจะยังไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไร
ตอนยังไม่ได้แยกกลุ่มราชวงศ์และกลุ่มขุนนางราชการ เรียกรวมว่า "ลูกเจ้าลูกขุน"
อยุธยา เป็นสังคมแบบเจ้าขุนมูลนาย
ระบบไพร่
ควบคุมคน แรงงาน
มูลนายคุ้มครองดูแลไพร่ในสังกัด
ไพร่ก็ทำงานรับใช้ไป
ระบบศักดินา
ตั้งแต่สมัยพระบรมไตรโลกนาถ
แบ่งชนชั้นทางสังคม กำหนดศักดินาโดยใช้จำนวนที่นา
ศักดินามาก = อำนาจมาก
เลื่อนชนชั้นทางสังคมได้นะ
พวกชนชั้นสูงจะมีโอกาสเลื่อนขึ้นมากกว่า แต่ก็ถูกลดสถานะได้เช่นกัน
พวกชนชั้นต่ำก็จะยากหน่อย
ถ้าเป็นไพร่
ทำสงคราม
ชนะและรอด
อาจะได้เป็นราชการ!
ตาย
หนีสิ้นไพร่ยกเลิก
บวช
มีข้าพระด้วย
ถูกควบคุม เพราะถ้าหนีไปบวชมาก จะเสียแรงงาน
ชนชั้นปกครอง
K.
ไม่มีศักดินา
เป็นเจ้าของศักดินา
ผู้ปกครองสูงสุุด!
เจ้านาย/ราชวงศ์
ศักดินา: 500-100,000
สูงสุดคือ กรมพระราชวังบวรฯ/พระมหาอุปราช/วังหน้า
ยศ
สกุลยศ - เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า
อิสริยยศ - ได้รับพระราชทาน
หน้าที่
ช่วย K. ปกครอง พอมีอำนาจเยอะก็แย่งชิงกัน
สิทธิพิเศษ
ไม่ถูกเกณฑ์แรงงาน
ไม่เสียภาษี
มีไพร่ไว้ใช้
ได้เบีี้ยหวัดประจำปี
ขุนนาง/ข้าราชการ
ศักดินา: 400-10,000
ถ้าต่ำกว่า 400 จะยังไม่ใช่ขุนนาง
เครื่องประกอบ - ยศ ราชทินนาม ตำแหน่ง ศักดินา
อยู่ในตำแหน่งได้ตลอดชีวิต
หน้าที่
บังคับบัญาชากรมกอง
ควบคุมไพร่พล
สิทธิพิเศษ
ครอบครัวก็ได้ด้วย
เหมือนๆเจ้านาย/ราชวงศ์
ที่เพิ่มมาก็มี ใช้ทนายไปศาลแทนได้
มีเครื่องยศต่าง ๆ
คืนเมื่อลาออก/ตาย
สถานะพิเศษ
พระสงฆ์
ศักดินา: 100-2,400
เป็นที่เคารพนับถือของ K. และทุกคน
ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงาน
ชนชั้นใต้ปกครอง
ไพร่/สามัญชน
ต้องมีสังกัด!
ไพร่หลวง
สังกัด K. แต่ K. ไม่ได้คุมเองหรอก ส่งไปประจำกองต่างๆ
ใช้แรงงาน ไปสร้างนู่นนี่นั่น
เป็นทหารออกรบ
เข้าเวร
เข้าเดือนออกเดือน
ร.1 : เข้าเดือนออกสองเดือน
ร.2 : เข้าเดือนออกสามเดือน
ทำงานหนักสุด แต่ก็สำคัญสุด
ไพร่ส่วย
ที่จริงก็เป็นไพร่หลวงนะ
ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าเวร
เพราะ
บ้านไกล
และมีการผลิตสินค้าสำคัญ
ก็เลยต้อง
เสีย"เงินค่าราชการ"
ส่งส่วยเป็นสิ่งของ/สินค้าสำคัญๆก็ได้
ไพร่สม
สังกัดเจ้านาย/ขุนนาง
K.พระราชทานให้
เหมือนเป็นสมบัติส่วนตัวของมูลนาย
เปลี่ยนมูลนายใหม่ได้ถ้ามูลนายเก่ายินยอม
มูลนายตาย >>> ถูกโอนเป็นไพร่หลวง
มูลนายมีไพร่มาก = อำนาจมาก
ข้า/ทาส
ศักดินา: 5 !!
ต่ำสุด ๆ ของสังคม
ตกทอดเป็นมรดกได้
ลูกเกิดมาก็ต้องเป็นทาส
ถูกใช้งาน แต่ไม่ถูกทารุณ
มีโอกาสเป็นไท
มีเงินไถ่ถอน
เป็นทาสไปเรื่อยๆ ค่าตัวลดลงเรื่อยๆ จนหลุดพ้นจากการเป็นทาสตามกม. !
บวชพระ เณร ชี
นายเงินได้ทาสเป็นเมีย มีลูก
นายเงินเป็นชู้กับเมียทาส >> ทาสผู้ผัวจะเป็นไท
ทาสไปรบแทน ชนะกลับมา
นายเงินเป็นกบฏ ทาสฟ้องร้อง
7 ประเภท
ทาสไถ่มาด้วยทรัพย์สิน/ทาสสินไถ่
ไพร่ยากจน กู้เงินเจ้านาย ไม่มีจ่าย ก็เลยขายตัวเอง ลูก เมีย
ถ้ามีเงินมาจ่าย ก็จะเป็นไท
นายเงินใช้เกินกำลังไม่ได้
จะซื้อขายทาสต้องมีหนังสือกรมธรรม์หลักฐานทั้งฝ่ายนายเงินและทาส
ทาสเชลย
จากสงคราม
ถือว่าเป็นทาสหลวง
เป็นข้าพระ/ข้าวัด ทำงานในพระอารามหลวง
ไม่มีโอกาสเป็นไท
เป็นทาสประเภทเดียวที่ไม่มีโอกาสเป็นไท
แต่ก็ได้รับความคุ้มครองจากการถูกกดขี่
ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานด้วย
ทาสในเรือนเบี้ย
ทาสได้มาแต่ฝ่ายข้างบิดามารดา
ทาสมีผู้ให้
ทาสที่เลี้ยงไว้ในยามข้าวยาวหมากแพง
ทาสที่ได้มาจากการช่วยเหลือเมื่อต้องโทษทัณฑ์
จอมพล สฤษฎิ์ ธนะรัชต์ (หลัง WWII)
ฟื้นฟูสถาบัน K.
ฟื้นฟูราชพิธีต่าง ๆ
เปลีั่ยนวันชาติมาเป็น 5 ธ.ค.
ขยายการศึกษาภาคบังคับ
มี ร.ร. ประถมและมัธยมมากขึ้น
เกิดกลุ่มชนชั้นกลาง
นักธุรกิจ พ่อค้า ปัญญาชน
เศรษฐกิจก็ขยายตัว
ดำเนินนโยบายผูกพันกะ US
สนับสนุนระบบทุนนิยม
เข้าร่วมสงครามเวียดนามด้วย
ยอมให้ US มาตั้งฐานทัพในไทย
ได้รับวัฒนธรรมมาด้วย
มีการพัฒนาเยอะ
นโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
เอาอย่างฮิตเลอร์กะมุสโสลินิ
ค่อนข้างบ้าอำนาจอะนะ
ทหารนิยม!
มียุวชนอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ
ชาตินิมยม!
สนับสนุนกิจการการค้าไทย
นโยบายรัฐนิยม 12 ประการ
เปลี่ยนแปลงสังคมไทย
ex
สยาม >> ไทย
เปลี่ยนวันปีใหม่มาเป็น 1 ม.ค.
เปลี่ยนเนื้อร้องเพลงชาติ เพลงสรรเสริญฯ
กำหนดวันชาติ 24 มิ.ย.
แต่งกายแบบสากล นุ่งกระโปรง สวมหมวก เลิกนุ่งซิ่น
เลิกกินหมาก
กินข้าวด้วยช้อนส้อม อย่าใช้มือ
มีการใช้คำนำหน้าชื่อ
พยายามจัดตั้งนครบาลเพชรบูรณ์และพุทธบุรีมณฑล
ส.ส.ไม่อนุมัติ
รัตนโกสินทร์ตอนต้น (ร.1-3)
ร.1
รวมรวมกฎหมาย
กฎหมายตราสามดวง
สังคายนาพระไตรปิฎก
มีพระไตรปิฎกฉบับทอง
ชนชาติต่างๆ
มอญ ลาว พม่า ญวณ เขมร มลายู
จีน
พ่อค้า กรรมกร ช่าง
ผูกปี้ข้อมือ
ลูกจีนที่เกิดในไทยต้องสักข้อมือเป็นไพร่ด้วย
หมอบรัดเลย์เข้ามาตอน ร.3
พัฒนาด้านการพิมพ์
การแพทย์ด้วย
การปลูกฝี
ร.4
เป็นเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เพราะ
ถูกมหาอำนาจตะวันตกคุกคาม
การเข้ามาของคณะมิชชันนารี(US)
ปรับปรุงฐานะสามัญชน/ไพร่ให้มีเสรีภาพมากขึ้น
ให้สิทธิเสรีภาพราษฎรมากขึ้น
ให้เข้าเฝ้าได้
ให้ถวายฎีกาได้
การนับถือศาสนา
ทำงานกับฝรั่ง
ให้สิทธิสตรี
ปรับปรุงวัฒนธรรมประเพณีให้ทันสมัย
ให้ราชการสวมเสื้อ/ยืนเข้าเฝ้า
ชักธงประจำวัง
ทรง Shake Hand กับชาว ตปท. ด้วย
จ้างแหม่มแอนนา (UK) มาสอนภาษาโอรสธิดา
ตั้งสโมสรเต้นรำ
นั่งโต๊ะกินข้าว
ถีบจักรยาน ขับรถยนตร์
แต่งตัว ทำผมแบบฝรั่ง
การพิมพ์มีบทบาทมาก
หนังสือพิมพ์ต่างๆ
Bangkok Calendar, Siam Times Weekly, Bangkok Recorder, Siam Monitor, Daily Advertiser
หนังสือของราชการเล่มแรก
ราชกิจจานุเบกษา
ปัจจุบันยังมีอยู่
ร.5
ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม&กฎหมาย
แต่ก่อนกระบวนการยุติธรรมจะรวมกับฝ่ายบริหาร ก็เลยยุ่งยากสับสนวุ่นวายชักช้าด้วย
ตั้งกระทรวงยุติธรรม
ยุบรวมศาลบางศาล
มีการร่างประมวลกฎหมาย
กรมหลางราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ปรับปรุงด้านกฎหมาย
บิดาแห่งกฎหมายไทย
ปฏิรูปการศึกษา
แต่ก่อน
เด็กผู้ชายเข้าวัด เด็กผู้หญิงเข้าวัง
เพื่อเพิ่มประสิทธภาพของคนให้ไปพัฒนาประเทศชาติ
ร.ร. ต่างๆ
ร.ร.สำหรับราษฎรแห่งแรก
ร.ร.วัดมหวรรณพาราม
ร.ร.ในวังหลวง
ร.ร.สอนภาษาอังกฤษ
ร.ร.นายทหารมหาดเล็ก
ร.ร.แผนที่
ร.ร.กฎหมาย
พระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง
King Scholarship
ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯ/พระมหาอุปราช/วังหน้าก็สิ้นสุดในสมัยนี้
เลิกทาส
ไม่ได้เลิกทันที ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะได้ปรับตัวกันได้
ลดค่าตัวทาสโดยเฉพาะลูกทาส
ลูกทาสที่เกิดปีมะโรง พ.ศ. 2417 ทุกคนจะหมดค่าตัวเป็นอิสระตอน 21 !
เลิกไพร่
มีผลกระทบต่อ ปชช. ส่วนใหญ่มากที่สุด
พอไม่มีไพร่ ก็ขาดกำลังทหาร
เกิดทหารประจำการ/ทหารอาชีพ
ระบบทหารเกณฑ์
พรบ.ลักษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ.124
ตอนแรกในมาเกณฑ์ตอน 18 แล้วเปลี่ยนเป็น 20
ปลดชราตอน 60
K. ก็เลยมีอำนาจมากขึ้น
เศรษฐกิจขยายตัว
ร.6
K.องค์แรกที่ได้รับการศึกษาจาก UK
นำไทยสู่สากลมากขึ้น!
ใช้นามสกุล
ใช้ธงไตรรงค์
ตั้งกองลูกเสือ
เลิกบ่อยเบี้ย เลิกหวย
ออก พรบ. ประถมศึกษา
เด็กทุกคนต้องจบ ป.4
ตั้งจุฬาฯ
(มาจากโรงเรียนมหาดเล็กหลวงสมัย ร.5)
ร.7
มีบัณฑิตปริญญาครั้งแรก!
คณะแพทย์ศาสตร์
เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง
24 มิ.ย. 2475